รักษาความพิการ
นาทีเปลี่ยนชีวิต Golden Period
80% ของผู้ป่วยที่มีความพิการ เกิดจากหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน (Stroke) หรือ เกิดจากอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อเส้นประสาท ทำให้มีอาการแขน ขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดหรือกลืนลำบาก เมื่อได้รับการรักษาจากแพทย์เบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญคือการกระตุ้นและฟื้นฟูสมอง เพื่อให้อาการกลับมาปกติหรือใกล้เคียงปกติอีกครั้ง โดยมีระยะเวลาจำกัด ภายใน 6 เดือน หลังการรักษา stroke โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยจะสูญเสียความเป็นตัวเองไปหรือความบกพร่อง พิการและไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการต่างๆ ในระยะเวลาที่สมองต้องการการกระตุ้นและฟื้นฟูอาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตไปตลอดชีวิต ดังนั้นต้องรีบรักษาให้ทันทวงที ซึ่งการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลดีที่สุดอยู่ในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากมีอาการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และพ้นจากช่วงอาการวิกฤตมาแล้ว จึงต้องเร่งให้การรักษาเพื่อกระตุ้นเซลล์สมองให้กลับมาทำงานและสามารถสั่งให้ร่างกายที่ผิดปกติกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ที่สำคัญยังลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น แผลกดทับ ข้อติด โรคปอดอักเสบ เป็นต้น ลดอัตราการเกิดความพิการให้กลับมาดีได้อีกครั้ง
โดยโปรแกรมการรักษา ควรต้องรวมศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาในส่วนที่ผู้ป่วยเป็น เช่น แพทย์ด้านสมองและระบบประสาท นักกายภาพบำบัด รีแฮปเทรนเนอร์ แพทย์ทางเลือก การผสมผสานในการรักษาเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติหรือใกล้เคียงปกติ (อ่านข้อมูล นาทีเปลี่ยนชีวิต Golden Period ที่นี่)
ทำไมต้อง Intensive Treatment
อาการป่วยที่ตามมาด้วยระยะเวลาที่จำกัด เพียง 6 เดือนของการรักษามีความจำเป็นมาก โปรแกรมการรักษาจึงต้องเริ่มอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เรียกว่า ทำมากได้มาก เพราะหลังจากนี้แล้ว ต่อให้มีกิจกรรมรักษาดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้เซลล์สมองกลับมาทำงานได้และเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไปตลอดชีวิต
intensive treatment คือ เวชศาสตร์การรักษาแบบเข้มข้น เฉพาะบุคคล โดยสหสาขาวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ ร่วมวางแผนและออกแบบ การรักษา เพื่อให้เห็นผลลัพท์ที่ดีที่สุด หลักการก็คือ การรักษาผู้ป่วย 1 ราย ประกอบด้วยแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสมอง เพื่อประเมินแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมและติดตามผลการรักษาอย่างเข้มงวด นักกายภาพบำบัด มีหน้าที่ประเมินร่างกายก่อนการรักษา และวางแผนร่วมกับ ทีมกิจกรรมบำบัด รีแฮปเทรนเนอร์ แพทย์ทางเลือก เพื่อออกแบบการรักษาให้ตรงจุดเฉพาะบุคคลครอบคลุมอาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ โดยการรักษาใน 1 วัน จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยเข้ารับรักษาอย่างต่อเนื่อง
เพราะทุกนาทีมีค่ากับการฟื้นตัวของผู้ป่วย กิจกรรมต่างๆจึงต้องประชุมสหวิชาชีพ วางแผนกันวันต่อวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ดังเดิม (อ่านข้อมูล ทำไมต้อง Intensive Treatment ที่นี่)
เป้าหมายการรักษาแบบ Intensive Treatment
1. Activity of daily living (ADL) รักษาและฟื้นฟูเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจวัตรจำเป็นประจำวัน ได้ คือ
2. Rehabilitation & Multi-Skills รักษาด้วยการเพิ่มความแข็งแรงให้กับผู้ป่วยจากรอยโรคที่ทำให้อ่อนแรงและเพิ่มทักษะการสั่งการของสมองให้ทำงานพร้อมกัน เช่น ฝึกเดินพร้อมพูด ฝึกจับวัตถุพร้อมแยก
3. Job Skills เพิ่มทักษะเกี่ยวกับงาน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสูญเสียความสามารถด้านอาชีพที่เคยทำได้ เช่น ขับรถ ใช้คอมพิวเตอร์ งานช่างต่างๆ การรักษาจึงต้องเพิ่มการพัฒนาทักษะผู้ป่วยให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของรอยโรคที่เกิดขึ้น
โดยเป้าหมายการรักษา จะได้ผลลัพท์ที่ดีนั้น จะเกิดขึ้นเพียง 6 เดือนหลังจากเกิดโรค หลังจากนั้นอาการบกพร่องจะเหลือติดตัวผู้ป่วยไปตลอดชีวิต
การรวมทุกศาสตร์เข้าด้วยกัน Multidisciplinary
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การรักษาความพิการได้ผลที่ลัพธ์ที่ดีและตรงจุดนั้น คือ การมีสหวิชาชีพร่วมออกแบบวางแผนการรักษา โดยมีผู้ป่วยเป็นเป้าหมายสูงสุดเพื่อการหายที่ยั่งยืน การผสมผสานศาสตร์แต่ละแขนงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะเกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่การทำงานจะแยกกันเป็นส่วนๆ เรียกได้ว่า ผู้ป่วยมีอาการด้านไหน ก็ไปรักษาในเรื่องนั้นๆ ซึ่งส่งผลให้การรักษาไม่เต็มประสิทธิภาพ
ประโยชน์การรวมศาสตร์รักษาความพิการ
สนใจติดต่อสอบถาม
PHONE: +6691 696 6969