รู้จักกับ Office Syndrome อาการปวดร้าวจากการทำงาน
ในยุคดิจิทัลที่การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ปัญหาสุขภาพที่เรียกว่า "Office Syndrome" หรือ "อาการทำงานออฟฟิศ" ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและสร้างความวิตกกังวลให้กับหลายๆ คน อาการนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อผู้ที่ทำงานในออฟฟิศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีกิจกรรมที่ต้องนั่งหรือใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ด้วย
สาเหตุของ Office Syndrome
Office Syndrome เกิดจากการนั่งหรือใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความเครียดและความตึงเครียดต่อกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง ปัจจัยที่ส่งผลรวมไปถึงการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการวางหน้าจอไม่เหมาะสม, การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดที่ทำให้แขนและข้อมือต้องอยู่ในท่าที่ไม่ธรรมชาติเป็นเวลานาน, และการนั่งทำงานโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง
อาการทั่วไปของ Office Syndrome
อาการของ Office Syndrome สามารถรวมไปถึง:
- ปวดคอ, ไหล่, และหลัง
- ความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ
- ปวดหัวและไมเกรน
- อาการของการปวดตา เช่น ตาแห้งหรือการมองเห็นไม่ชัด
- อาการของการปวดมือและข้อมือ, ซึ่งอาจรวมถึงอาการของโรค CTS (Carpal Tunnel Syndrome)
การป้องกันและการรักษา
- ปรับท่าทางการนั่ง นั่งให้เท้าแตะพื้นได้อย่างสบาย และใช้เก้าอี้ที่สามารถรองรับส่วนโค้งของหลังได้ดี
- การจัดสถานที่ทำงาน จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในระดับสายตา และควรใช้อุปกรณ์เสริมเช่นแป้นพิมพ์และเมาส์ที่ช่วยให้ท่าทางของคุณเป็นธรรมชาติ
- หยุดพัก และยืดเส้นยืดสายทุกๆ ชั่วโมงเพื่อลดความเครียดต่อกล้ามเนื้อและกระดูก
การรักษา
- การบำบัดด้วยกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและความตึงเครียด
- การใช้ยา การใช้ยาแก้ปวดหรือยาแก้การอักเสบสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่น การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน, การใช้เวลาพักหรือการปรับปรุงพื้นที่ทำงาน
ภาวะที่กระดูกสันหลังโค้งงอไปทางด้านใดด้านหนึ่ง และอาจมีหรือไม่มีการบิดหมุนของกระดูกสันหลังร่วมด้วย
การรักษาแบบเข้มข้น หรือ Intensive Treatment เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและตรงจุดกับการรักษาความพิการ เพื่อให้อาการกลับมาปกติหรือใกล้เคียงปกติอีกครั้ง โดยมีระยะเวลาจำกัด ภายใน 6 เดือน
Office Syndrome คือสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกว่าเราอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพในขณะทำงานเพียงพอ ด้วยการปรับปรุงพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมการทำงานของเรา รวมทั้งการใช้เทคนิคการป้องกันและการรักษาที่เหมาะสม เราสามารถลดหรือกำจัดอาการเหล่านี้ได้ ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสุขภาพดี.
หุ่นยนต์ช่วยเดิน เสมือนจริง (Exoskeleton) คือหุ่นยนต์สำหรับสวมใส่ที่ช่วยในการเดินและทำงานทดแทนกำลังกล้ามเนื้อที่หายไป สำหรับผู้ป่วยอัมพาตช่วงล่าง ผู้ป่วยอ่อนแรง และผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รวมถึงผู้ป่วยที่มีปัญหาการเดิน กลับมาลุกขึ้นยืนและเดิน โดย หุ่นยนต์ช่วยเดิน นี้จะช่วยกระตุ้น CPG หรือกระตุ้นวงจรประสาท ยิ่งกระตุ้นได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งทำให้ร่างกายฟื้นคืนเร็วเท่านั้นได้โดยหุ่นยนต์เปรียบเสมือนตัวช่วยพยุงร่างกาย และรักษาสมดุลในการทรงตัวให้คุณรู้สึกถึงความมั่นคงในการทรงตัวและการก้าวเดิน ช่วยให้ผู้ป่วยได้ฝึกเดินเสมือนจริงกับพื้น ผู้ป่วยจะได้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่บนพื้นจริง ๆ ช่วยให้ผู้ป่วยหมุดบิดช่วงข้อเข่า เอว สะโพก มีการเอียงตัวไปด้านหน้าและด้านข้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ จากการเดินบนพื้นจริงไม่ใช่เดินบนลู่วิ่ง และไม่ต้องล็อคเอว ล็อคเชิงกรานไว้เหมือนอย่างหุ่นยนต์รุ่นเก่าๆ ช่วยให้เกิดกล้ามเนื้อบริเวณเอว หลัง และสะโพกฟื้นตัวได้ดีมีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยช่วยให้เกิดการฟื้นตัวของเซลล์สมองตามมา ก้าวขาทิ้งน้ำหนักซ้ายและขวา บิดสะโพกไปข้างหน้า และลงข้าง สลับกันไปมา รูปแบบการเดินที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นประจำ ลักษณะการฝึกเดินลักษณะนี้จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อต่างๆ
การออกกำลังกายผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุการทำงานของร่างกายไม่มีความแข๊งแรงเหมือนเดิม เราจึงควรให้ผู้เชี่ยวชาญออกแบบการรักษา
โปรแกรมการรักษาแบบเอสฟิตรีแฮป ศาสตร์การรักษาความพิการที่ได้ผลลัพท์ดีและตรงจุดนั้น คือ การที่ทีมการรักษาและผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละสาขาวิชา รวมไปถึงเทคโนโลยี ร่วมออกแบบวางแผนการรักษา โดยดึงจุดเด่นของแต่ละการรักษา เข้ามาผสมผสานเพื่อผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น และเพื่อให้ผู้ป่วยเป็นเป้าหมายสูงสุดเพื่อการหายที่ยั่งยืนและมีปสิทธิภาพ